วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ดอกทานตะวัน


ทานตะวัน เป็นพืชปีเดียว (Annual plant) อยู่ในแฟมิลี Asteraceae มีฐานรองกลุ่มดอก (Inflorescence) ขนาดใหญ่ ลำต้นโตได้สูงถึง 3 เมตร ฐานรองกลีบดอกอาจกว้างได้ถึง 30 เซนติเมตร ชื่อ"ทานตะวัน"ถูกใช้อ้างอิงถึงพืชทั้งหมดในจีนัส Helianthus ด้วยเช่นกัน
ทานตะวัน เป็นพืชท้องถิ่นของอเมริกากลาง มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่ามีการปลูกดอกทานตะวันในประเทศเม็กซิโกตั้งแต่ประมาณ 2600 ปีก่อนคริสตกาล[1]
เนื้อหา[ซ่อน]
1 ตำนานดอกทานตะวัน
2 การเข้ามาของดอกทานตะวันในประเทศไทย
3 ลักษณะนิสัยของคนที่ชอบดอกทานตะวันที่สุด
4 การใช้ประโยชน์
5 ภาพทานตะวัน
6 อ้างอิง
//
[แก้] ตำนานดอกทานตะวัน
ในเทพนิยายกรีกมีนางไม้ชื่อ Clytie ที่หลงรักเทพอพอลโล ซึ่งเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์ ได้เฝ้ามองอพอลโลทุกวันจนผมสีทองของเธอกลายเป็นกลีบดอกสีเหลืองและใบหน้ากลายเป็นดอกทานตะวัน ชื่อ Helianthus มาจากคำว่า helios ที่แปลว่าดวงอาทิตย์ กับคำว่า anthos ที่แปลว่า ดอกไม้
[แก้] การเข้ามาของดอกทานตะวันในประเทศไทย
ดอกทานตะวันเข้ามาในประเทศในในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยชาวเกาหลีนำมาปลูก
[แก้] ลักษณะนิสัยของคนที่ชอบดอกทานตะวันที่สุด
เป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองมาก และถือดีในความรู้ความสามารถของตนไม่น้อย ชอบพึ่งพาตัวเองมากกว่าคนอื่น เป็นคนตั้งเป้าหมายในชีวิตสูง
[แก้] การใช้ประโยชน์
ทานตะวันเป็นพืชให้น้ำมันโดยสกัดจากเมล็ด น้ำมันดอกทานตะวันมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงสามารถนำไปใช้ในการฟอกหนังและประกอบอาหาร
ทานตะวันเป็นพืชที่มีบทบาทมากในการฟื้นฟูดิน ตัวอย่างเช่น ทานตะวันสะสมตะกั่วได้ 0.86 mg/kg เมื่อเลี้ยงแบบไฮโดรโพนิกส์[2] และส่งเสริมการย่อยสลายคาร์โบฟูรานได้ 4

วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ดอกทิวลิป


แม้ว่าทิวลิปจะเป็นดอกไม้ที่ทำให้นึกถึงฮอลแลนด์ แต่ทั้งดอกไม้และชื่อมีที่มาจากจักรวรรดิเปอร์เชีย ทิวลิปหรือ “lale” (จากเปอร์เชีย لاله, “lâleh”) เช่นเดียวกับที่เรียกกันในตุรกี เป็นดอกไม้ท้องถิ่นของตุรกี, อิหร่าน, อัฟกานิสถาน และบางส่วนของเอเชียกลาง แม้ว่าจะไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นผู้นำทิวลิปเข้ามาทางตะวันตกเฉียงเหนือของยุโรปแต่ที่สำคัญคือตุรกีเป็นผู้ทำให้ทิวลิปมีชื่อเสียงที่นั่น เรื่องที่เป็นที่ยอมรับกันก็คือ Oghier Ghislain de Busbecqไปเป็นราชทูตของสมเด็จพระจักรพรรดิเฟอร์ดินานด์ที่ 1 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในราชสำนักของสุลต่านสุลัยมานมหาราชแห่งจักรวรรดิออตโตมันในปี ค.ศ. 1554 Busbecq บรรยายในจดหมายถึงดอกไม้ต่างๆ ที่เห็นที่รวมทั้งนาร์ซิสซัส ดอกไฮยาซินธ์ และทิวลิปที่ดูเหมือนจะบานในฤดูหนาวที่ดูเหมือนผิดฤดู (ดู Busbecq, qtd. in Blunt, 7) ในวรรณคดีเปอร์เชียทั้งสมัยโบราณและสมัยใหม่ต่างก็ให้ความสนใจกับดอกไม้ชนิดนี้
คำว่า “tulip” ที่ในภาษาอังกฤษสมัยแรกเขียนเป็น “tulipa” หรือ “tulipant” เข้ามาในภาษาอังกฤษจากฝรั่งเศสที่แผลงมาจากคำว่า “tulipe” และจากคำโบราณว่า “tulipan” หรือจากภาษาลาตินสมัยใหม่ “tulīpa” ที่มาจากภาษาตุรกี “tülbend” หรือ “ผ้ามัสลิน” (ภาษาอังกฤษว่า “turban” (ผ้าโพกหัว) บันทึกเป็นครั้งแรกในภาษาอังกฤษในคริสต์ศตวรรษที่ 16 และอาจจะมาจากภาษาตุรกีอีกคำหนึ่งว่า “tülbend” ก็เป็นได้)
[แก้] ทิวลิปในประเทศไทย
ในประเทศไทย สำนักงานเกษตรที่สูงดอยผาหม่น ได้ปลูกดอกทิวลิป ในพื้นที่เกษตรที่สูง ดอยผาหม่น ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย ตั้งปี พ.ศ. 2549 เพื่อการท่องเที่ยว [1]
[แก้] ความหมายของดอกทิวลิป
ทิวลิปสีแดง - เป็นดอกไม้แห่งการสารภาพรัก หากได้ดอกทิวทิวลิปสีแดงจากใครแสดงว่าคนผู้นั้นตกหลุมรักคุณแล้ว

ภาคใต้


ลักษณะภูมิประเทศ
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ มีเทือกเขาที่สำคัญได้แก่ เทือกเขาตะนาวศรี เทือกเขาภูเก็ต เทือกเขานครศรีธรรมราช โดยมีเทือกเขาสันกาลาคีรี เป็นพรมแดนกั้นระหว่างไทยกับมาเลเซีย เทือกเขาในภาคใต้มีความยาวทั้งสิ้น 1,000 กิโลเมตร
แม่น้ำสายสำคัญ ได้แก่ แม่น้ำกระบุรี แม่น้ำหลังสวน แม่น้ำตะกั่วป่า แม่น้ำท่าทอง แม่น้ำพุมดวง แม่น้ำตาปี แม่น้ำปากพนัง แม่น้ำตรัง แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำปัตตานี และ แม่น้ำโกลก
ชายหาดฝั่งอ่าวไทยเกิดจากการยกตัวสูง มีที่ราบชายฝั่งทะเลยาว เรียบ กว้าง และน้ำตื้น ทะเลอันดามันมีชายฝั่งยุบต่ำลง มีที่ราบน้อย ชายหาดเว้าแหว่ง เป็นโขดหิน มีหน้าผาสูงชัน
ภาคใต้มีลักษณะภูมิประเทศเป็นคาบสมุทรที่มีทะเลขนาบอยู่ 2 ด้าน คือ ตะวันออกด้านอ่าวไทย และตะวันตกด้านทะเลอันดามัน จังหวัดยะลาเป็นจังหวัดที่ไม่มีพื้นที่ติดต่อกับทะเล
[แก้] ลักษณะภูมิอากาศ
ภาคใต้เป็นภูมิอากาศแบบมรสุมเมืองร้อน และโดยที่ภูมิประเทศของภาคใต้มีลักษณะเป็นคาบสมุทรยาวแหลม มีพื้นน้ำขนาบอยู่ทั้งทางด้านตะวันตก และทางด้านตะวันออก จึงทำให้มีฝนตกตลอดปีและเป็นภูมิภาคที่มีฝนตกมากที่สุดของประเทศ ภาคใต้มีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 27.2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิเคยขึ้นสูงสุดที่ จ.ตรัง 39.7 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิเคยต่ำสุดที่ จ.ชุมพร 12.12องศาเซลเซียส
[แก้] ขอบเขตและที่ตั้ง
ทิศเหนือ มีพื้นที่ติดต่อกับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ดินแดนที่อยู่เหนือสุดของภาคคือ อำเภอประทิว จังหวัดชุมพร ทิศตะวันออก มีพื้นที่ติดต่อกับอ่าวไทย ดินแดนที่อยู่ตะวันออกสุดของภาคคือ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ทิศตะวันตก มีพื้นที่ติดต่อกับมหาสมุทรอินเดีย ดินแดนที่อยู่ตะวันตกสุดของภาคคือ อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ทิศใต้ มีพื้นที่ติดกับประเทศมาเลเซียที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
[แก้] จังหวัดในภาคใต้

แผนที่ภาคใต้แบ่งตามจังหวัด
โดยทั่วไป ถือว่าภาคใต้มีด้วยกัน 14 จังหวัด ดังนี้
ชุมพร
กระบี่
นครศรีธรรมราช
นราธิวาส
ปัตตานี
พังงา
พัทลุง
ภูเก็ต
ระนอง
สตูล
สงขลา
สุราษฎร์ธานี
ตรัง
ยะลา

กล้วยไม้


การที่มีชาวตะวันตกนำกล้วยไม้จากแหล่งอื่นมาปลูกในกรุงเทพฯ จึงเป็นจุดเด่นซึ่งทำให้หลายคนนำเอามาใช้เป็นข้อมูลเพื่อเริ่มต้นการปลูกกล้วยไม้ภายในประเทศ โดยอ้างชื่อ นายเฮนรี่ อาลาบาสเตอร์ (Mr.Henry Alabaster) ร่วมกับกลุ่มบุคคลในราชวงศ์ระดับสูง ดังจะพบได้จากข้อเขียนในอดีต แทนที่จะลงถึงชาวบ้านซึ่งเป็นคนระดับพื้นดินที่นำเอากล้วยไม้พันธุ์ท้องถิ่นมาปลูก...ดังเช่นผู้ที่สนใจศึกษาหาความรู้เรื่องกล้วยไม้ที่มีอายุยาวนานพอสมควร คงจะจำได้ว่า ย้อนหลังไปประมาณ 40 ปีขณะที่ตลาดนัดต้นไม้ยังอยู่บริเวณริมคลองหลอด มีชาวบ้านเก็บกล้วยไม้บางชนิดจากป่านำมามัดกำวางขายทั่วไปและมีคนจีนมาซื้อไปต้มทำยาดื่ม ที่พบเห็นมากๆ ได้แก่ กล้วยไม้หวายพื้นบ้านเช่น เอื้องเก๊ากิ่ว เอื้องเงิน เอื้องผึ้ง และเอื้องคำเป็นต้น ช่วงหลังๆป่าเริ่มหมดไป ทำให้กล้วยไม้พวกนี้หมดตามไปด้วย แต่ปัจจุบันนี้คนจีนบนแผ่นดินใหญ่ของประเทศจีน ยังมีการลำเลียงกล้วยไม้จากธรรมชาติในประเทศเวียดนามและบริเวณใกล้เคียงโดยรถบรรทุก นำเข้าไปในประเทศ เพื่อใช้ทำยาอย่างต่อเนื่องกัน
ศาสตราจารย์ระพี สาคริกเคยรับฟังรายงานการค้นคว้าจากที่ประชุมวิชาการในต่างประเทศ ทราบว่าฝรั่งได้มีผลงานการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับพืชสมุนไพรจากกล้วยไม้ จากที่ประชุมวิชาการที่เมืองดาร์วิน ประเทศออสเตรเลีย เป็นต้น
หลังจากนั้นมา กล้วยไม้ก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อยกย่องคนมีเงินและชนชั้นสูง ประกอบกับรากฐานคนส่วนใหญ่ยึดติดอยู่กับรูปวัตถุ ทำให้มีการมองคนในกลุ่มที่นำกล้วยไม้มาปลูกแล้วรู้สึกว่า เป็นการทำลายเศรษฐกิจ
[แก้] ปัญหาการปลูกกล้วยไม้
ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งซึ่งแฝงเป็นเงื่อนไขอยู่ในพื้นฐานสังคมลักษณะนี้คือ ทุกเรื่องที่ได้รับผลดีจากการพัฒนามีเหตุมีผลผูกพันอยู่กับตัวบุคคล ทำให้ขาดการสืบทอดสู่คนรุ่นหลังซึ่งควรเป็นไปอย่างมีเหตุมีผล แต่จะมีผู้ตามเป็นส่วนใหญ่
ผลกระทบจากปัญหาที่ได้กล่าวไว้แล้วมีผลทำให้ ศ.ระพี สาคริกเกิดแรงดลใจลุกขึ้นมาพัฒนา ค้นคว้า วิจัย เรื่องกล้วยไม้ที่เชื่อมโยงถึงงานส่งเสริมเผยแพร่ความรู้ ซึ่งในที่สุดได้ทำให้เกิดสภาพที่กล่าวกันว่า ผสมผสานกันเป็นธรรมชาติ ได้เริ่มตันมีการวางแผนและดำเนินการโดยมีเป้าหมายอย่างเด่นชัด หลังจากปี พ.ศ. 2490 ซึ่งศอ.ระพี สาคริกในตอนนั้นได้ผ่านการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ออกมาแล้ว
[แก้] กล้วยไม้ในวรรณกรรม
กล้วยไม้ปรากฏใน นิราศธารทองแดง (พระนิพนธ์ โดย เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์)
กล้วยไม้ห้อยต่ำเตี้ย
นมตำเลียเรี่ยทางไป
หอมหวังวังเวงใจ
ว่ากลิ่นแก้วแล้วเรียมเหลียว
[แก้] สกุลกล้วยไม้
ในประเทศไทย นอกจากกล้วยไม้ชนิดพันธุ์ตามที่พบในธรรมชาติอย่างมากมายแล้ว ยังมีพันธุ์ที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์ใหม่ มีความแปลก สวยงามเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งพันธุ์ที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์ใหม่นี้ จะมีจำนวนมาก และไม่มีขีดจำกัด ทำให้กล้วยไม้ของไทยเป็นที่รู้จัก เป็นที่สนใจ และชื่นชอบต่อคนทั่วไป
กล้วยไม้สกุลต่างๆ ที่พบในประเทศไทยได้แก่
สกุลอะแคมเป (Acampe)[1]
สกุลกุหลาบ (Aerides)
สกุลแมลงปอ (Arachnis)[1]
สกุลเข็ม (Ascocentrum)
สกุลสิงโตกลอกตา (Bulbophyllum)
สกุลเอื้องน้ำต้นหรือคาแลนเธ (Calanthe)
สกุลคัทลียา (Cattleya & allied genera) ประกอบด้วยสกุลย่อย 8 สกุลคือ
บราสซาโวลา (Brassavola)
บรอว์กโทเนีย (Broughtonia)
คัทลียา (Cattleya)
ไดอาคริอัม (Diacrium)
อีปิเดนดรัม (Epidendrum)
ลีเลีย (Laelia)
ซอมเบอร์เกีย (Schomburgkia)
โซโพรนิติส (Sophronitis)
สกุลเอื้องใบหมากหรือซีโลจิเน (Coelogyne)
สกุลกะเรกะร่อนหรือซิมบิเดียม (Cymbidlium)
สกุลหวาย (Dendrobium)
สกุลม้าวิ่ง (Doritis)
สกุลเพชรหึงหรือแกรมมาโตฟิลลัม (Grammatophyllum)
สกุลลิ้นมังกรหรือฮาบีนาเรีย (Habenaria)
สกุลออนซิเดียม (Oncidium)[1]
สกุลนางอั้ว (Pecteilis)
สกุลรองเท้านารี (Paphiopedilum)
สกุลเขากวางอ่อนหรือฟาเลนอปซิส (Phalaenopsis)
สกุลหวายแดงหรือรีแนนเธอร่า (Renanthera)
สกุลช้าง (Rhynchostylis)
สกุลพิศมรหรือสแปทโธกลอตติส (Spathoglottis)
สกุลเสือโคร่ง (Trichoglottis)
สกุลฟ้ามุ่ยหรือแวนดา (Vanda)
สกุลพระยาฉัททันต์หรือแวนดอปซิส (Vandopsis

เเอปเปิ้ล


แอปเปิล (อังกฤษ: apple) เป็นผลไม้ในตระกูล Rosaceae แอปเปิลเป็นผลไม้ที่นิยมมากที่สุดชนิดหนึ่งในโลก ต้นแอปเปิลจะสูงประมาณ 5-12 เมตร ผลแอปเปิลส่วนใหญ่มีเปลือกสีแดง เขียว และเหลืองตามสายพันธ์ เนื้อในเป็นเห การจำกัดปริมาณอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนักนั้น เป็นเรื่องยากสำหรับคุณผู้หญิง เพราะไหนจะต้องทนต่อความหิวจนกว่าจะผอม แต่พอผอมสมใจกลับโดนทักว่าทำไมดูซีดเซียว ไม่สดชื่น อวบอั๋นเหมือนตอนก่อนลดน้ำหนัก การรับประทานผลไม้จึงเป็นวิธีหนึ่ง ที่ช่วยแก้ปัญหาได้ทั้งการลดน้ำหนัก และการมีสุขภาพที่สดใส เพราะผลไม้ประกอบไปด้วยเส้นใยอาหาร (Fiber) ที่ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องมีน้ำตาลธรรมชาติที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้เร็ว และนำไปใช้งานได้ทันที นอกจากนี้ ผลไม้ยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุอีกนับไม่ถ้วน ช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ไม่ทรุดโทรม จึงเหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักเป็นที่สุด เมื่อถามคนใกล้ตัวว่า "อยากลดน้ำหนักจะทานผลไม้อะไรดี?" เชื่อว่าคงได้คำตอบกว่าครึ่งเป็นผลไม้รูปร่างอวบอัดที่ชื่อว่า "แอปเปิ้ล" แน่ ๆ เพราะแอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีสีสันชวนรับประทาน เนื้อสัมผัสกรอบ รสชาติอร่อย กลิ่นหอม มีคุณค่าทางโภชนาการสูง หาทานได้ง่าย ราคาไม่แพง และที่สำคัญคือไม่ทำให้อ้วน แอปเปิ้ลจึงได้ชื่อว่าเป็น "ราชาแห่งผลไม้ลดน้ำหนัก" กินแอปเปิ้ลวันละ 1 ผล ร่างกายแข็งแรง แอปเปิ้ลให้สารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตและวิตามินซีเป็นหลัก ซึ่งปริมาณวิตามินซีจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว และความสด เนื้อแอปเปิ้ล 100 กรัม มีวิตามินซีประมาณ 6 มิลลิกรัม และให้พลังงานราว 59 แคลอรี ไม่ทำให้อ้วน แต่แอปเปิ้ลก็มีสารอาหารที่มีประโยชน์ชนิดอื่นทดแทน แบบที่เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้าผลไม้อื่นแต่อย่างใด พลังงานที่ได้จากแอปเปิ้ลมีลักษณะพิเศษที่น่าสนใจคือ แอปเปิ้ลจะให้พลังงานค่อนข้างต่ำและค่อยเป็นค่อยไป เพราะแหล่งพลังงานของแอปเปิ้ลคือ น้ำตาลฟรักโทสซึ่งเป็นน้ำตาลที่เปลี่ยนรูปเป็นพลังงานอย่างช้า ๆ ในร่างกายช่วยให้ไม่รู้สึกหิว อิ่มนาน ผลที่ตามมาคือ ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ไม่สูงเร็วเหมือนกินขนมหวาน จึงเหมาะกับคนไข้เบาหวานด้วยเช่นกัน เปลือกและเนื้อของแอปเปิ้ลมีเส้นใยอาหารที่ชื่อว่า "เพคติน" ที่มีคุณสมบัติพองตัวได้มาก ช่วยเพิ่มกากในทางเดินอาหาร ทำให้อวัยวะในทางเดินอาหารมีการทำงานเป็นปกติ เพิ่มประสิทธิภาพในการขับถ่าย ซึ่งเป็นการช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ และยังช่วยจับคอเลสเตอรอลไม่ให้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ป้องกันโรคคอเลสเตอรอลในเลือดสูง โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ แอปเปิ้ลยังอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่และสารอาหารที่มีประโยชน์อีกหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ บี 1 บี 2 บี 6 ไบโอติน กรดโฟลิก กรดแพนโทเธอนิค เกลือแร่ คลอไรด์ เหล็ก ทองแดง แมกกานีส แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม ซิลิคอน และยังมีกรดอินทรีย์ 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน สารอาหารเหล่านี้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน โดยเฉพาะวิตามินซี และสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในแอปเปิ้ล จะช่วยป้องกันโรคหัวใจในผู้ที่รับประทานเป็นประจำ แอปเปิ้ลเขียว หรือแอปเปิ้ลแดง ที่มีประโยชน์มากกว่ากัน เมื่อวิเคราะห์จากคุณค่าสารอาหารต่าง ๆ เปรียบเทียบระหว่างแอปเปิ้ลเขียวและแอปเปิ้ลแดง พบว่าไม่มีความแตกต่างกันมากนัก แต่สิ่งที่แอปเปิ้ลแดงมีเหนือกว่าเล็กน้อยคือ ปริมาณของสารแอนโทไซยานิน ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มฟลาโวนอยด์นั่นเอง ดื่มน้ำแอปเปิ้ล ก็ได้ประโยชน์เท่ากินทั้งลูก? จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จะพบว่าประโยชน์ของแอปเปิ้ลมาจากองค์ประกอบ 3 ตัวด้วยกันคือ จากเส้นใยอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระที่มีมากบริเวณเปลือก และจากน้ำตาลฟรักโทสที่มีมากในเนื้อแอปเปิ้ล ดังนั้นหากต้องการดื่มน้ำแอปเปิ้ล ควรเลือกวิธีการปั่นทั้งผล โดยไม่ต้องปอกเปลือก เพราะหากใช้วิธีคั้นน้ำ จะทำให้ได้เฉพาะน้ำตาลและสารต้านอนุมูลอิสระอีกเล็กน้อย ซึ่งอาจทำให้อ้วนได้มากกว่าเดิม และไม่ได้รับประโยชน์ทั้งหมดจากแอปเปิ้ลอย่างครบถ้วน กินแอปเปิ้ลอย่างไรให้ได้ประโยชน์ ในแง่โภชนาการ แอปเปิ้ลไม่ใช่ผลไม้ที่มีวิตามินหรือแร่ธาตุในปริมาณสูงมากนัก เมื่อเทียบกับกล้วย ฝรั่งหรือส้ม แต่หากทานแอปเปิ้ลวันละ 2-4 ลูก โดยไม่ปอกเปลือกก็จะได้รับเส้นใยอาหารและสารอาหารต่าง ๆ ในปริมาณที่พอเหมาะ ในปัจจุบันมีการกล่าวอ้างสรรพคุณของแอปเปิ้ลมากมาย เช่น บำรุงหัวใจ ลดคอเลสเตอรอล ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด ลดความอยากอาหาร ช่วยกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่และฆ่าเชื้อไวรัส ซึ่งหากต้องการจะรับประทานแอปเปิ้ลสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมน้ำหนักแล้ว ก็ควรต้องทานเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และผักผลไม้อื่น ๆ ร่วมด้วย เพื่อป้องกันการขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมือนทรายละเอียดสีเหลืองนวล นำมารับประทานสด

โทรศัพท์

ระบบเชื่อมต่อและส่งข้อมูล (Connectivity)
ส่งผ่านข้อมูล (Data Transfer)- WiFi 802.11b/g, WLAN (Wireless LAN) - บลูทูธ Bluetooth™ v2.0, USB v2.0- รองรับชุดหูฟังสเตอริโอ (A2DP Bluetooth™ stereo sound)
ใช้งานอินเตอร์เน็ต WAP 2.0 Browser
รับ-ส่งข้อความ (Messaging)- E-mail, MMS, SMS ผ่าน EDGE, GPRS - ข้อความแชท (Instant Messaging) - eBuddy
รองรับ จาวาแอพลิเคชั่น - Java MIDP 2.0
จุดเด่นและคุณสมบัติพิเศษ (Feature)
เครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ในตัว (TV Tuner)
รองรับการทำงาน 2 ซิมการ์ด พร้อมกัน (Dual SIM cards)
กล้องดิจิตอล 2 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช (Digital Camera) - ขนาดภาพสูงสุด 1600x1200 พิกเซล (Image size) - ใช้งานเป็น Web Camera ในตัว - โหมดถ่ายภาพในเวลากลางคืน - โหมดถ่ายภาพพร้อมกรอบรูป มีให้เลือก 2 แบบ - โหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง 1, 3, 5 ภาพ- ตั้งเวลาถ่ายภาพอัตโนมัติ 10 วินาที - Effect : ขาวดำ, ซีเปีย, ซีเปียสีเขียว, ซีเปียสีนํ้าเงิน, สีย้อนกลับ- สมดุลแสง : อัตโนมัติ, กลางวัน, ทังสเตน, ฟลูออเรสเซนท์, เมฆมาก, แสงเทียน- เปิดและ ปิดเสียงเสียงกดชัตเตอร์- ค่าชดเชยแสง EV -2 ถึง 2- คุณภาพ : ต่ำ, กลาง, สูง
กล้องตัวที่สอง 2 ล้านพิกเซล (Front Camera)
บันทึกวีดีโอ ภาพเคลื่อนไหว (Video recording) - ความละเอียด 176 x 144 พิกเซล รูปแบบไฟล์ 3GP- ค่าชดเชยแสง EV -2 ถึง +2 - Effect : ขาวดำ, ซีเปีย, ซีเปียสีเขียว, ซีเปียสีนํ้าเงิน, สีย้อนกลับ- สมดุลแสง : อัตโนมัติ, กลางวัน, ทังสเตน, ฟลูออเรสเซนท์, เมฆมาก, แสงเทียน- โหมดถ่ายวีดีโอในเวลากลางคืน
เครื่องเล่นวีดีโอ (Video Playback) - รูปแบบไฟล์ .3GP
เครื่องเล่น MP3 Player- รูปแบบไฟล์ : MP3, AAC, AMR, WAV
วิทยุ FM Radio
ช่องเสียบชุดหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
เครื่องบันทึกเสียง (Voice Recorder) - รูปแบบไฟล์ : AMR, AWB, WAV - บันทึกเสียงระหว่างสนทนา
ดัดเสียงระหว่างสนทนา : เด็ก, เด็กสาว, หญิงสาว, หญิงชรา, ผู้หญิง, เด็กชาย, ผู้ชาย, เบื่อหน่าย และเสียงแหบ
แฮนด์ฟรีในตัว (Build-in Handsfree)
รองรับแอพพลิเคชั่น Google Maps™
ควบคุมฟังก์ชั่นด้วยการสั่นไหวตัวเครื่อง (Motion Sensor)- คว่ำตัวเครื่องเพื่อปิดเสียงเรียกเข้า- เขย่าเครื่องเพื่อเปลี่ยนภาพพื้นหลัง- เขย่าเครื่องเพื่อเปลี่ยนเพลง- เขย่าเครื่องเพื่อเปลี่ยนช่องทีวี- เขย่าเครื่องเพื่อเปลี่ยนคลื่นวิทยุ
ฟังก์ชั่น Blacklist ปฏิเสธสายที่ไม่ต้องการรับ
E-Book Reader สำหรับอ่านไฟล์เอกสารไฟล์ .txt
ปฎิทิน, งานที่จะทำ, ปลุก, เวลาทั่วโลก, เครื่องคิดเลข, นาฬิกาจับเวลา, ตัวแปลงหน่วย, ตัวแปลงสกุลเงิน, สุขภาพ
การใช้งานของแบตเตอรี่
แบตเตอรี่มาตรฐาน Li-Ion 1,000 mAh (Standard Battery)
เปิดรอรับสาย - ชั่วโมง (Standby Time)
สนทนาต่อเนื่อง - ชั่วโมง (Talk Time)
ข้อมูลผู้ใช้ แสดงความเห็นกับ G-TECH GT303 BB [PIC & VOTE]รีวิวโทรศัพท์มือถือ G-Tech GT303 BB

องุ่นแดง


ประโยชน์ขององุ่นแดง-ไวน์แดง(bordeaux) ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยโรเชสเตอร์ แห่งสหรัฐฯ ค้นพบสาร ประกอบในเปลือกขององุ่นแดงและเหล้าไวน์แดง มีสรรพคุณบังคับให้เซลล์มะเร็งตับอ่อนหยุดทำงาน และตายลงในที่สุด สารประกอบมีชื่อว่า "เรสเวราทรอล" เป็นสารปฏิชีวนะของพืชอย่างหนึ่ง ยังพบอยู่ในถั่วและผลไม้อื่นๆ เช่น ถั่วลิสง ผลรัสเบอรี่ และผลบลูเบอรี่ แต่มีอยู่ในเปลือกลูกองุ่นแดง รวมทั้งในเหล้าไวน์แดงมากที่สุด นักวิจัยของศูนย์ได้พบในการศึกษาใช้สารเรสเวราทรอลลำพัง หรือประกอบกับการฉายรังสีรักษาคนไข้ว่า สารนั้นได้ไปทำลายศูนย์พลังของเซลล์มะเร็ง จนไม่อาจทำงานต่อไปได้ แต่ก็ยังไม่มีใครบอกได้ว่าสารเรสเวราทรอลจากเหล้าไวน์แดง จะมีผลกับเนื้อร้ายที่อยู่ในร่างกายคน แบบเดียวกับที่ทำกับเซลล์มะเร็งในจานทดลอง ในห้องปฏิบัติการหรือไม่ ดร.ปอล โอคูเนียฟ หัวหน้าคณะผู้ทำการศึกษากล่าวว่า ผลการวิจัยส่อว่าสารประกอบนี้มีท่าในอนาคตว่า จะมีส่วนอย่างสำคัญ ในการรักษาโรคมะเร็งต่อไป".
เพิ่มคอลลาเจนด้วยสารสกัดจากเมล็ดองุ่น สารสกัดจากเมล็ดองุ่น หรือ Grape Seed นั้นได้จากส่วนผิวของเมล็ดองุ่นแดงชนิดเดียวกับที่นำมาทำไวน์ อุดมด้วยฟลาโวนอยด์และไฟโตเคมิคอล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ฟลาโวนอยด์ในสารสกัดจากเมล็ดองุ่นที่สำคัญที่สุดคือ โพรอันโธอานิดินส์ (Proanthocyanidins) หรือ PCOs ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ระบบไหลเวียนโลหิตทำให้เส้นเลือดแข็งแรงขึ้น ป้องกันการเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็ง อาหารบำรุงผิว ด้วยคุณประโยชน์จากสารสกัดใบองุ่นแดง ที่โดดเด่นในการป้องกัน และรักษาอาการบวมน้ำในร่างกาย ทั้งยังช่วยเพิ่มความกระชับแก่ผิว โดยยับยั้งการทำลายอีลาสตินใต้ผิวได้ถึง 90% เนื้อผิวกลับมีความกระชับ การไหลเวียนใต้ชั้นผิวดีขึ้น ผิวที่สวยงามจะต้องมีความยืดหยุ่น และแข็งแรง นอกจากนั้นผิวของเรายังต้องการสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อป้องกันการทำลายผิวจากมลพิษรอบตัว รวมทั้งรังสียูวีด้วย ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ